Wireless ADSL2/2+ Modem Router Multi-Function
** เนื้อหา สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับ Firmware ทุกเวอร์ชั่นของ D1201, DH301, D301, D302 และ W300D V.6 **
1. เกริ่นนำเกี่ยวกับฟังก์ชั่น Virtual Server ( Forward Port )
ฟังก์ชั่น Virtual Server หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ Forward Port แต่ถ้าแปลตรงตัวของ Virtual Server ก็คือ “ การสร้างServer เสมือน “ หรือ การสร้างเครื่อง Computer ในวง LAN หรืออุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง เช่น DVR หรือ IP Camera ให้มีความสามารถเสมือนเป็น เครื่อง Server ที่สามารถเปิดให้เครื่อง Computer หรืออุปกรณ์อื่น จาก Internet สามารถ Remote เข้ามาจัดการ, ตั้งค่า หรือ Remote เข้าถึง เพื่อดึงข้อมูล ดูภาพ ฟังเสียง ได้จาก Internet
ส่วนการ Forward Port นั้น เป็นความหมายที่อธิบายในอีกมุมมอง คือ กรณีที่เครื่อง Computer หรืออุปกรณ์อื่น จาก Internet ต้องการ Remote เข้ามาจัดการ หรือตั้งค่า หรือดึงภาพ ดึงข้อมูล จะยังไม่สามารถเข้าได้ทันที เนื่องจากจะติดตรง Inbound Policy หรือ Firewall ของ Router ซึ่งจำเป็นต้อง Forward Port ในตัว Router ให้รับทราบว่า มีอุปกรณ์ที่อยู่หลัง Router ต้องการเปิดใช้ Service หรือเปิดใช้บริการ เช่น HTTP, FTP, Streaming หรือ Remote Access เป็นต้น และเมื่อ Router เปิด Port แล้ว เวลามีการ Remote จาก Internet เข้ามาที่ Router ซึ่งเป็นปราการด่านแรก Router ก็จะทำการตรวจสอบ Port ที่เข้ามาว่า ตรงกับ เงื่อนไขที่ Forward ไว้หรือไม่ ถ้าตรงก็จะ Forward ไปที่ Server เสมือนทันทีครับ ( ดังนั้น การเรียกว่า Virtual Server หรือ Forward Port ก็คืออันเดียวกันครับ เพียงแต่คนละมุมมอง )
โดยมากแล้วการ Forward Port หรือ Virtual Server มักนิยมนำไปใช้ในการใช้งาน อาทิ การทำให้กล้อง สามารถ Remote เข้ามาดูผ่าน Internet ได้, การ Remote เข้ามาดึงไฟล์ หรือ ดึงข้อมูล หรือควบคุมเครื่องจาก Internet, การสร้าง ห้องเกมส์ เพื่อให้เครื่องอื่นที่อยู่บน Internet สามารถเข้ามา Join ในห้องที่สร้างขึ้นได้ หรือแม้นแต่ การเปิดให้ Computer หลาย ๆ เครื่องบน Internet สามารถเข้ามาดึงไฟล์ที่แชร์ไว้ผ่านโปรแกรมประเภท P2P หรือ Bittorrent ได้ เป็นต้น
2. เตรียมพร้อมก่อนทำ Forward Port
การ Remote เข้ามาจากเครื่อง Computer ภายนอก หรือจากอุปกรณ์อื่นที่อยู่นอกวง LAN ผู้ใช้จำเป็นต้องทราบข้อมูล หรือเตรียมข้อมูลบางอย่าง เพื่อใช้ในการทำ Forward Port ครับ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะไม่ราบรื่น หรือไม่ตรงกับตัวอย่างที่จะแนะนำในหัวข้อถัด ๆ ไป ดังนี้
- โหมดของ Router ต้องไม่ใช่ Bridge Mode หรือ Access Point โหมด ต้องเป็น PPPoE + NAT โหมดเท่านั้น ( ดูข้อ 2.1 )
- ในกรณีที่ต้องการใช้กับกล้อง IP Camera หรือ DVR หรือ Remote Access จะต้องมี Account หรือ Host ของ DDNS เช่น No -IP หรือ Dyndns หรือ DDNS ค่ายอื่นถ้าลูกค้ามีอยู่แล้ว
- ต้องทราบ IP Address ของอุปกรณ์ และ Port ของอุปกรณ์ โดย Port ที่จะใช้อาจจะมีมากกว่า 1 Port ( ดูข้อ 2.2 )
2.1. โหมดของ Modem Router โหมดที่รองรับการ Forward Port
สำหรับโหมด ที่จะกล่าวถึงใน เนื้อหานี้ คือโหมด PPPoE ครับ เช็คได้จากหน้า Quick Setup ตรง Connection Type ของ ADSL ครับ
2.2. ตัวอย่าง Port ของ Application มาตรฐานทั่วไป
ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นไว้ว่า ก่อนที่จะทำการ Forward Port นั้น ผู้ใช้ควรที่จะทราบถึง Port และ Protocol ของ Service หรือ Application นั้น ๆ ว่าใช้ Port และ Protocol อะไรครับ ซึ่งโดยมากแล้ว Port ของ Application ที่รับรู้กันส่วนใหญ่ เช่น HTTP, FTP, Telnet, PPTP เหล่านี้ จะอยู่ในช่วงของ Port ตั้งแต่ 1 – 1024 ดังตัวอย่าง
NOTE : ดูรายละเอียดของ Port และ Protocol เพิ่มเติมที่ http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_TCP_and_UDP_port_numbers
2.3. ตัวอย่างการหา Port ของ Application
บางครั้งโปรแกรม หรือ Application ที่ใช้อยู่นั้น อาจจะไม่ได้ตรงตาม Standard Port ตามข้อ 2.2 แต่เป็น Port อื่นที่หมายเลขต่างออกไป ดังนั้น ผู้ใช้จำเป็นอาจจะต้องเข้าไปตรวจสอบในตัว Application เอง เพื่อให้ได้หมายเลข Port มาทำ Forward Port ครับ โดยตัวอย่างต่อไปนี้ จะเป็นวิธีการเข้าไปดูค่าหมายเลข Port ของ Application ต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางครับ
NOTE : ดูรายละเอียดของ Port และ Protocol ทั้ง Standard และ Non-Standard เพิ่มเติมที่ http://portforward.com/cports.htm
2.3.1. : ตัวอย่างการหา Port ของ Application เกมส์ สำหรับให้เครื่อง Computer เครื่องอื่น สามารถเข้ามา Join เพื่อเล่นเกมส์ร่วมกันได้ จากตัวอย่างเป็นเกมส์ Warcraft III DotA ที่จะมีให้เปลี่ยน Game Port ซึ่งอยู่ในหัวข้อ Gameplay Option ดังรูปตัวอย่าง
2.3.2. : ตัวอย่างการหา Port ของ กล้อง IP Camera ของกล้อง IP Camera ยี่ห้อ Plenty รุ่น J03-WS ที่มีการตั้งค่า Http Port ไว้ที่ 8088 ส่วน IP Address ของกล้องที่จะนำไปใช้ในการ Forward Port ก็ 192.168.0.250 ครับ โดยอยู่ในเมนู Network > Basic
2.3.3. : ตัวอย่างการหา Port ของ กล้อง IP Camera รุ่นที่มี Port ใช้งานมากกว่า 1 Port ซึ่งผู้ใช้ก็ต้อง Forward Port ให้ครบด้วย ป้องกันการ Remote ดูไม่ได้ โดยตัวอย่างรูป แสดงค่า Port Number ของกล้อง IP Camera Micronet รุ่น SP5530W ที่จะมีทั้ง Web Port ( HTTP ), AV Control, AV Streaming และ IP View Port ด้วย โดยอยู่ในเมนู ADVNCED ครับ ดังรูป
2.3.4. : ตัวอย่างการหา Port ของ DVR รุ่นที่ใช้ Port มากกว่า 1 Port โดยรูปด้านล่างเป็นการหา Port ของ DVR ยี่ห้อ Innekt โดยเข้าไปดูจาก เมนู Setting > System > Network ครับ จะเห็นว่า นอกจาก HTTP Port แล้วยังจะมี TCP Port ด้วย
อีกตัวอย่าง Port ของ กล้องยี่ห้อ Peopleful ที่จะมีทั้ง HTTP Port, TCP Port และ UDP Port สำหรับนำไปกรอกใน Forward Port ครับ
Note : นอกจากการเข้าไปดู Port เองแล้ว ผู้ใช้สามารถสอบถามหมายเลข Port จากตัวแทนจำหน่าย หรือ ร้านค้าของยี่ห้อสินค้าได้เช่นกัน
2.3.5. : ตัวอย่างการหา Port สำหรับโปรแกรมประเภท P2P หรือ Bittorrent อาทิ โปรแกรม Bittorrent, Bittornado, Bitcomet และ Utorrent เป็นต้น ซึ่งโดยมากแล้วโปรแกรมประเภท Bit จะมีการตั้งให้ใช้ Port ที่สูงกว่า Standard Port คือ จะอยู่ที่หลักหมื่นขึ้นไป แต่ก็ยังสามารถให้ ผู้ใช้ สามารถทำการแก้ไขและเปลี่ยนแปลง Port ตามความพึงพอใจได้ ซึ่งตรงนี้ ทำให้โปรแกรมประเภทนี้มีการใช้ Port ไม่ตายตัวครับ และไม่สามารถคาดเดาได้ง่าย สำหรับวิธีการตรวจสอบ Port หรือเปลี่ยน Port ของโปรแกรม P2P สามารถดูได้จากตัวอย่างดังนี้
การดู Port ของโปรแกรม Bitcomet ให้คลิกที่เมนู Options > Preference ก็จะเห็น Port ของ Bitcomet ตรง Listen Port ดังรูป
การดู Port ของโปรแกรม Utorrent ให้คลิกที่เมนู Options > Preference > Connection ก็จะเห็น Port ตรง Listen Port ดังรูป
3. เริ่มขั้นตอนการ Forward Port
Note : ก่อนทำการ Forward Port แนะนำให้ ผู้ใช้ เซตตั้งค่าตัว Router ให้เชื่อมต่อ Internet ให้เรียบร้อยก่อนนะครับ
3.1 จากหน้า Desktop ของ Computer หรือ Notebook ให้เปิด Browser เช่น IE, Google Chrome หรือ Firefox ขึ้นมา
3.2 พิมพ์หมายเลข IP Address “ 192.168.1.1 ” ตรงช่อง Address Bar ดังรูป แล้วกดปุ่ม Enter ครับ
3.3 จะเข้าหน้าให้กรอก Username กับ Password ให้กรอก Username = admin และ Password = admin แล้วกดปุ่ม Login ครับ
3.4 หลังจากเข้ามา หน้า Quick Setup ได้แล้ว ต่อไปให้คลิกที่ปุ่ม Advanced ที่อยู่มุมขวาบนของหน้า ดังรูป
3.5 คลิกที่เมนูหลักด้านซ้ายมือ Advanced Setup ( 1 ) > NAT ( 2 ) > Virtual Server ( 3 ) จะเข้ามาหน้าจอ Virtual Servers Setup ซึ่งเป็นหน้าจอสำหรับตั้งค่า Forward Port ให้ กดปุ่ม Add ( 4 ) เพื่อเพิ่มเงื่อนไข Forward Port ดังรูป
Note : ถ้าผู้ใช้ยังไม่ได้เซตตั้งค่าให้ Router เชื่อมต่อ Internet จะไม่มีเมนู NAT ขึ้นมาให้เลือกนะครับ ต้องกลับไปหน้า Quick Setup ตั้งค่าให้เรียบร้อยก่อนครับ โดยคลิกที่คำว่า “ Home Page “ ที่อยู่มุมขวาบน แถว ๆ ตัว E เพื่อกลับไปหน้า Quick Setup หน้าแรก
3.6 ในหน้าเพิ่มเงื่อนไข หลัก ๆ ก็จะมีการเพิ่ม Port อยู่ 2 แบบคือ แบบเลือกจาก Service List ( Select a Service ) ที่จะมี Service มาให้สำเร็จรูปอยู่เกือบ 120 Services ครับ ผู้ใช้สามารถเลือกอันที่ตรงกับ เงื่อนไขที่จะ Forward Port ก็ได้ หรือไม่อย่างนั้น ก็จะเพิ่มเงื่อนไขเองแบบ Custom Service โดยใส่ชื่อเงื่อนไข และกรอกหมายเลข Port เอง ตามรายละเ อียดดังรูป ( ดูตัวอย่างการเพิ่ม Port ข้อ 4 )
4. ตัวอย่างการตั้งค่า Forward Port
4.1. ตัวอย่างการตั้งค่า Forward Port แบบทั่วไป
การ Forword Port แบบทั่วไป หมายถึง การระบุหมายเลขของ Internet Port กับ Local Port ตรงกัน ตามตัวอย่างด้านล่าง ซึ่งเป็นตัวอย่างการ Forward Port สำหรับ DVR ของ Peopleful ครับ โดย ได้อ้างอิงข้อมูล Port บางส่วนจากข้อ 2.3.4
สำหรับการเพิ่ม Port ก็ให้ผู้ใช้ เลือก เป็น Custom Service แล้วกรอกชื่อ กำกับเป็นชื่ออะไรก็ได้ ในตัวอย่างเป็น “ DVR_Peopleful “ เสร็จแล้ว กรอก IP Address ของ DVR ในช่อง Server IP Address เป็น “ 192.168.1.10 “ และสุดท้าย ก็กรอกหมายเลข Port ของ DVR คือ 80, 37777 และ 37778 แล้ว Apply/Save ครับ
NOTE : หลักการ Forward Port กับ Service หรือ Application อื่น ก็คล้าย ๆ กันกับตัวอย่างครับ เปลี่ยนแค่ ชื่อ, IP และ Port เท่านั้น
หลังจาก เพิ่มเงื่อนไข เสร็จแล้ว ก็จะกลับมาที่หน้าแรกของ Virtual Serv er Setup และมีตารางแสดงเงื่อนไขที่เพิ่มเข้าไปดังตัวอย่างรูป
4.2. ตัวอย่างการตั้งค่า Forward Port แบบแปลง Port
การ Forword Port แบบปรกติจากข้อ 4.1 คือ การที่ Port ต้นทางกับปลายทาง ระบุ เป็น Port เดียวกัน ซึ่งมักจะใช้นกันอย่างกว้างขวา ง แต่ก็มีบาง Solution ที่ต้องการ Remote จาก Internet คนละ Port กับ Server หรือ Network ภายในครับ เช่น Remote จาก Internet ผ่าน Port 8088 เพื่อเข้ามา Access กับ Server หรืออุปกรณ์ Network ที่อยู่ภายใน Port 80 ก็มีครับ โดยมากแล้วจะทำเพื่อ หลบการ Block Port จาก ISP แต่ไม่ต้องการไปเปลี่ยน Port ในตัวอุปกรร์ Network หรือ Service ใน Computer Server ครับ ตามรูปตัวอย่างครับ
ตัวอย่างการตั้งค่าแบบ แปลง Port โดยกำหนด Port External ให้เป็น พอร์ตอื่น ไม่ต้องตรงกับ Port จริง ส่วน Internal ก็ระบุให้ตรงครับ
5. ความหมายและวิธีตั้งค่าฟังก์ชั่น Port Triggering
Port Triggering ถือเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นการ Forward Port เหมือนกับ Virtual Server แต่วิธีการทำงานจะต่างกัน และการนำไปใช้งานก็ต่างกันด้วย คือ เวลาเซต Port Triggering จะไม่ต้องระบุ หรือกำหนด IP Address ของเครื่องในเงื่อนไขที่สร้างขึ้นมาครับ ความหมายคือ Router จะไม่สนใจแหล่งที่มาว่ามาจากเครื่องไหนบ้าง แต่สนใจแค่ว่า เครื่อง Computer เครื่องนั้น ๆ ใช้ Port ที่ตรงกับเงื่อนไข หรือไม่
ข้อดีของ Port Triggering อีกอย่างก็คือ จะไม่มีข้อจำกัดเรื่อง IP Address คือกี่เครื่องก็ได้ ขอให้ใช้ Port ตรงกับเงื่อนไขเท่านั้นพอครับ และอีกอย่างก็คือ เครื่อง Computer ไม่จำเป็นต้อง Fix IP ครับ สามารถเซตเป็น Obtained IP Address ได้เลย
ข้อแนะนำในการเซต Port Triggering:
- เครื่อง Computer จะต้องออก Internet ผ่านโปรแกรม หรือ เกมส์ก่อนหนึ่งครั้ง เพื่อทำการ Register ให้ Router รู้จัก และจอง Connection สำหรับเครื่องนั้น ๆ จะได้รู้ว่า ต้อง Forward ไปให้กับเครื่องไหน ถ้ามีเครื่อง Computer หลาย ๆ เครื่อง จะไม่สามารถ Register ได้พร้อมกันครับ เครื่องไหน Register ก่อน ก็จะได้รับสิทธิก่อน
- การจอง Connection สำหรับ Trigger Port นั้น จะมีระยะเวลาในการใช้งาน คือถ้าไม่มีการเชื่อมต่อ หรือ Register ใหม่ ตัว Router ก็จะยุติ Connection ของเครื่องนั้น ๆ เพื่อรอการ Register จากเครื่องอื่นต่อไป
- Application หรือ โปรแกรมที่รองรับการทำ Port Triggering จริง ๆ นั้น เริ่มมีน้อยลงครับ เช่นเกมส์ Warcraf III หรือ โปรแกรม IRC, ICQ เป็นต้นแต่หลัง ๆ ผู้ใช้นิยมใช้ฟังก์ชั่น Port Forward หรือ Virtual Server มาจัดการแทนเกือบทั้งหมดแล้วครับ
เมนู Port Triggering จะอยู่ใน เมนูหลัก Advanced Setup > NAT ครับ เข้ามาแล้วจะมีปุ่มให้ Add กับ Remove ดังรูป
หลังจากกด Add แล้ว ก็จะเข้ามาสู่หน้าตั้งค่าของ Port Triggering ซึ่งหลัก ๆ ก็คล้าย ๆ กับ Virtual Server ครับ เพียงแต่ไม่มีให้กรอก IP
อันนี้เป็นตัวอย่างการ Add เงื่อนไขของเกมส์ Warcraff III ซึ่งก็เพิ่มเหมือน Virtual Server ทุกอย่างครับ
อันนี้เป็นรูปตัวอย่างหลังจากที่เพิ่มเงื่อนไข Port Triggering เรียบร้อยแล้ว
NOTE : กรณีที่ต้องการแก้ไขเงื่อนไข อาจจะทำไม่ได้ครับ ต้องลบเงื่อนไขทิ้ง แล้วก็ Add ใหม่ โดยวิธีการลบก็ให้คลิกที่ช่อง Remove ของบรรทัดที่ต้องการ แล้วกดปุ่ม Remove ดังรูปตัวอย่างครับ
6. ความหมายและวิธีตั้งค่าฟังก์ชั่น DMZ Host
DMZ หรือ Demilitarized Zone ถือเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นการ Forward Port เหมือนกับ Virtual Server แต่จะมีพิเศษตรงที่ ไม่ต้องระบุ Port ใด ๆ เลย เพราะว่าฟังก์ชั่นนี้จะเปิด Port ทุก Port ตั้งแต่ 1 – 65535 และเปิดทุก Protocol ทั้ง TCP และ UDP ไปยัง IP Address ของเครื่อง Computer Server หรืออุปกรณ์ Network ที่ตั้งค่าไว้ โดยไม่มีการปิดกั้นใด ๆ และ ถ้ามีการสร้างเงื่อนไขการ Block แบบ Inbound ไว้ หรือเปิด Firewall ไว้ เครื่องที่ถูกตั้งค่าด้วย DMZ Host จะสามารถทะลุ Firewall เข้าไปหาเครื่องที่ทำ DMZ ไว้ได้
จากตัวอย่างด้านบน จะเห็นว่า มีเครื่อง Computer Server ที่ทำหน้าที่หลายอย่าง และหลาย Service ซึ่งจริง ๆ แล้ว สามารถที่จะ Forward Port ตามเงื่อนไขของแต่ละ Service ก็สามารถทำได้ แต่อาจจะต้องสร้างหลายเงื่อนไข และถ้าบาง Service ผู้ใช้ไม่ทราบว่าใช้ Port อะไร และ Protocol อะไร การเปิด DMZ Host เพื่อชี้ไปที่ IP Address ของ Server หรืออุปกรณ์นั้น ๆ ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาให้ได้ครับ ดังรูป
NOTE : เงื่อนไข DMZ Host จะรองรับเพียง 1 เงื่อนไขเท่านั้นครับ ถ้ามีอุปกรณ์ Network หลาย ๆ ตัวแนะนำ Virtual Server แทนครับ
7. ความหมายและวิธีตั้งค่าฟังก์ชั่น UPnP
UPnP หรือ Universal Plug and Play เป็นฟังก์ชั่นสำหรับใช้ Forward Port อีกรูปแบบหนึ่ง ที่ออกแบบมาสำหรับ ช่วยให้การ Forward Port มีความง่ายขึ้น โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบ Port หรือ Protocol ของ โปรแกรมในเครื่อง Computer, Server หรือค่าใน DVR , IP Camera หรือ อุปกรณ์ Network เลยด้วยซํ้า และไม่ต้องเข้าไปสร้างเงื่อนไขใด ๆ ในตัว Router อีกด้วย
UPnP ในความหมายของ Router คือ เป็นฟังก์ชั่น Map Port Auto โดยจะต้องมีการ Enable หรือ เปิดฟังก์ชั่น UPnP ทั้งเครื่องต้นทาง คือ Router และ ที่เครื่องปลายทาง เช่น โปรแกรมใน Computer, Server หรือฟังก์ชั่นใน DVR, IP Camera หรืออุปกรณ์ Network เป็นต้น โดย โปรแกรม หรือ อุปกรณ์ Network จะส่งค่าของ IP Address, Port และ Protocol ไปให้กับ Router เพื่อให้ตัว Router สร้าง Port ขึ้นมาให้อัตโนมัติ ตามค่าที่ส่งไปให้ ดังตัวอย่างของฟังก์ชั่นดังกล่าวในอุปกรณ์ หรือ ในโปรแกรมดังนี้
NOTE : ฟังก์ชั่น UPnP อาจจะมีว่าใช้ไม่ได้กับบาง Application หรืออุปกรณ์ Network บางตัวครับ ซึ่งผู้ใช้ก็ต้องมา Forward Port เอง
ตัวอย่าง ฟังก์ชั่น UPnP ในโปรแกรม Skype ครับ
ตัวอย่าง ฟังก์ชั่น UPnP ในโปรแกรม Utorrent ครับ
ตัวอย่างเงื่อนไขใน Virtual Server ที่ได้จากฟังก์ชั่น UPnP
โดยหลังจากที่เครื่อง Computer ได้เปิดใช้งานโปรแกรม Skypt และ BitComet ให้สามารถเชื่อมต่อ Internet ได้แล้ว สักพัก ในเมนู Virtual Servers ก็มีเงื่อนไข Forward Port ขึ้นมาเองอัตโนมัติ ซึ่งตรงนี้มาจากฟังก์ชั่น UPnP ของ Router ที่เปิดรับค่าจาก โปรแกรมทั้ง 2 ครับ แล้วมา Forward Port อัตโนมัติ โดยในรูปตัวอย่าง จะเห็นว่าฟังก์ชั่น UPnP ของ Router จะรับค่า Port, Protocol และ IP Address มา Add อัตโนมัติ รวมทั้งตั้งชื่อให้เองด้วย
NOTE : กรณีที่ผู้ใช้งาน เจอว่า อยู่ ๆ มีเงื่อนไขของ Virtual Server ขึ้นมาเอง ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร ก็ให้รับรู้ไว้ว่า เครื่อง Client น่าจะเปิดโปรแกรมที่ตั้งค่าให้ Map Port อัตโนมัติ หรือ Enable UPnP ไว้ ถ้าไม่ต้องการให้ Router สร้างเงื่อนไขเอง ก็ให้ ปิดฟังก์ชั่น UPnP ครับ
ตัวอย่างฟังก์ชั่น UPnP ในกล้อง Plenty Computer รุ่น J03-WS
ตัวอย่างฟังก์ชั่น UPnP ในกล้อง IP Camera ของ Trendnet ที่จะมีให้เลือก UPnP 2 แบบ แต่มีต่อท้ายให้ทราบว่า สำหรับ Port Forward
8. หมายเหตุ
กรณีที่ทำการ Forward Port ไปที่เครื่อง Computer หรือ Server แล้วปรากฎว่ายังไม่ได้ ให้ตรวจสอบ Firewall ของเครื่อง Computer ว่าได้เปิดเป็น On ไว้หรือไม่ อาจจะต้องปิด Firewall หรือทำการ Exceptions ให้กับ Application ที่ต้องการ Forward Port ด้วย รวมทั้งเช็ค Firewall ของ Anti Virus ด้วยครับว่าเปิดไว้หรือไม่ ( รูปด้านซ้าย Firewall ใน Windows XP, ด้านขวา Firewall ใน Windows 7 )